Category: <span>ปฏิบัติบูชา</span>

“ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ อย่าไปเพ่งลมหายใจ อย่าไปจดจ่อกับลมหายใจ

สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้เป็นธรรมชาติ เวลาลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูก เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ พยายามรู้เวลาลมวิ่งเข้าวิ่งออก รับรู้อยู่ที่ปลายจมูก สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เหมือนกับนายทวารคอยนั่งอยู่ที่ปากประตู รถคันไหนวิ่งเข้า..ก็รู้ รถคันไหนวิ่งออก..ก็รู้

ถ้ารู้ได้ต่อเนื่องเราก็จะรู้เท่าทันเรียกว่า ‘รู้อยู่ปัจจุบันธรรม’ คือทุกขณะลมหายใจเข้าออก ถ้ารู้ได้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เราพยายามสร้างความรู้สึกตัวตรงนี้แหละให้เกิดความเคยชิน”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ การ สูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว กายก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น เวลาหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่

เราพยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ให้เกิดความชำนาญ ตั้งแต่ตื่นขึ้น ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันทุกขณะลมหายใจเข้า-หายใจออกก็จะมากขึ้นๆ แล้วก็จะรู้เท่ารู้ทันการเกิดของใจการเกิดของขันธ์ห้า ว่าทำไมใจถึงเกิด ลักษณะใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่เกิดปรุงแต่งส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างไร อาการของขันธ์ห้าที่ผุดขึ้นมาใจเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ตรงนี้มีกันทุกคน

บางทีความคิดผุดขึ้นมาเราไม่ได้สังเกต เราไม่ได้สร้างความรู้ตัวเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์ ถ้าเรามาเจริญสติให้ต่อเนื่อง เราก็จะเห็น เห็นการเกิดการเข้าไปร่วมเข้าไปรวม เห็นการคลายการแยกรูปแยกนาม”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“แต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจของเรามีความสงบมีความปกติ หรือว่าใจของเรามีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน หรือว่าใจของเรามีความโลภความโกรธเข้าไปครอบงำ

เราก็พยายามคอยสะสางออกไปเรื่อยๆ คอยแก้ไข คอยปรับปรุง คอยวิเคราะห์ คอยพิจารณา คอยขัดคอยเกลา ใจของเรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามสร้างความขยันขึ้นมา ใจของเราไม่มีความเป็นระเบียบ เราก็พยายามจัดความเป็นระเบียบ บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“ก่อนจะรับประทานข้าวปลาอาหาร เราก็ต้องดู พิจารณาปฏิสังขาโย กายหิวหรือว่าใจเกิดความอยาก ความอยาก-ความหิวเป็นอย่างไร เราก็ต้องหัดวิเคราะห์ ถ้าใจอยาก เราก็รู้จักดับ รู้จักหยุด กายหิวอันนี้เป็นธรรมชาติของสมมติ เราก็รับประทานข้าวปลาอาหารด้วยปัญญา จะทานมากทานน้อยก็ไม่ให้ใจของเราเกิดกิเลส”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“ใจของเรามีความแข็งกระด้าง เราพยายามละความแข็งกระด้าง ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่น ใจของเรามีความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม ทำในสิ่งตรงกันข้าม ไล่เรียงลงไปเรื่อยๆเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงการก่อตัวของใจ เราดับความเกิดของใจ ใจก็จะเข้าถึงความบริสุทธิ์

แต่เวลานี้ เราต้องมาเจริญสติเข้าไปคลาย เข้าไปแยกรูปแยกนามให้ได้เสียก่อน หมั่นสังเกต หมั่นวิเคราะห์ว่า กิเลสตัวไหนมันเกิดขึ้น เราละได้หรือไม่ กิเลสหยาบหรือว่ากิเลสละเอียด จะมีความสุขในการดูในการรู้ในการพิจารณา หมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่สอนเรา ไม่มีใครจะสอนเราได้หรอก นอกจากตัวของเรา”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“อยู่รวมกันหลายคนหลายท่านก็พยายามรู้จักสมัครสมานสามัคคี รู้จักแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา อยู่หลายคนเราก็ดูเรา อยู่คนเดียวเราก็ดูเรา อะไรคือสติ อะไรคือปัญญา อะไรคือความเป็นจริงในชีวิต เราก็จะมีตั้งแต่ความสุข สุขทั้งภายในสุขทั้งภายนอก สนุกในการทำการทำงาน

เอาการเอางานเป็นหลักของการปฏิบัติ เอาการเอางานเป็นการฝึก ฝึกฝนตัวเรา ขณะที่ทำการทำงานใจก็รับรู้ แต่เราต้องคลายใจทางด้านภายในของเราให้ได้เสียก่อน หมดความสงสัย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“เจริญสติลงที่กายของเรา จนรู้เท่าทันการเกิดของใจ รู้ไม่ทันการเกิด เราก็ใช้สมถะเข้าไปดับ สมถะคืออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดับ หยุด ฝืน แล้วก็ปรับสภาพใจของเราให้มีความอ่อนน้อมอ่อนโยน มีความเมตตา มีความเสียสละ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกเรื่อง ดูใจของเราว่ามีความเสียสละหรือไม่ ใจของเรามีความเห็นแก่ตัว มีความตระหนี่เหนียวแน่น เราพยายามขัดเกลาเอาออก อบรมใจของเรา ใจของเราก็จะเบาบางจากกิเลสไปเรื่อยๆ

กิเลสก็มีหลายอย่าง กิเลสตัวโตๆ ความโลภ ความทะเยอทะยานอยาก ความโกรธ นานๆ ทีมันถึงจะเกิด แต่ความคิดที่เกิดๆ ดับๆ มีกันอยู่ตลอดเวลา เราพยายามหัดเจริญสติลงที่กายของเราให้ต่อเนื่องให้เข้มแข็ง แล้วก็เอาไปอบรมใจ รู้ไม่ทันต้นเหตุ ก็ใช้สมถะเข้าไปดับ ปรับปรุงใจของเราอยู่ตลอดเวลา”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“จิตใจของเรามาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง มาอาศัยขันธ์ห้าอยู่ แล้วก็เกิดต่อขณะที่ยังมีลมหายใจยังมีกายอยู่นี่แหละ ความเกิดนั่นแหละคือความคิด บางทีก็เกิดจากตัวใจอาการของใจรวมกัน บางทีก็เกิดจากสติปัญญารวมกัน เราต้องมาจำแนกแจกแจง เจริญสติให้ต่อเนื่อง รู้เท่ารู้ทันรู้กันรู้แก้ รู้จักพิจารณาตัวเราอยู่ตลอดเวลาทุกเรื่อง

กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องอัตตากับอนัตตา หลักของอริยสัจ ความเกิดของใจเป็นลักษณะอย่างไร เราต้องพยายามทำ กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร

เราต้องดูต้องรู้ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจของเรามองเห็นตามความเป็นจริงจนใจของเราไม่หลงไม่เกิดไม่เป็นทาสของกิเลส”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“ส่วนมากก็มีแต่ปัญญาที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้า เกิดจากส่วนสมองที่รวมกันไป เขาเรียก ‘ปัญญาโลกปัญญาโลกีย์’ เราจงมาเจริญสติพลิกปัญญาโลกให้เป็นปัญญาธรรม

พลิกปัญญาโลกให้เป็นปัญญาธรรมได้อย่างไร ก็คือการเจริญสติของเรานี่แหละ เจริญสติให้ต่อเนื่อง คำว่าปัจจุบันธรรม ให้รู้ตัวอยู่ปัจจุบันจนเป็นอัตโนมัติ รู้ลมหายใจเข้า-ออก รู้ใจ รู้ทุกอย่างนั้นแหละ รู้ทุกอย่างในกายของเรา จนกระทั่งถึงรู้ใจของเรา ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีความกังวลไม่มีความฟุ้งซ่านเป็นอย่างนี้ เราก็จะได้มองเห็น”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“บุคคลที่เข้าถึง รู้ความเป็นจริง ก็มองเห็นการเดินทางนี้ง่าย แต่ถ้าคนไม่เข้าใจนี่มันปิดกั้นไปหมด ยากไปหมด ที่ท่านว่าสมมุติยังไม่เปิด เราต้องมาศึกษามาค้นคว้าจนในใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้าได้นั่นแหละ ท่านถึงเรียกว่าสมมุติเปิด หรือสัมมาทิฏฐิ

สัมมาทิฏฐิเป็นเพียงแค่เดินทางเท่านั้นเอง เราแยกแยะได้ตามดูได้ เราละได้หรือไม่ เหมือนกับขึ้นตัวเรือนต้องอาศัยบันได อาศัยราวบันได การที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้เราก็ต้องอาศัย ความเสียสละความอดทน

คำว่าศีลเป็นอย่างไร สมาธิเป็นอย่างไร ปัญญาเป็นอย่างไร ต้องรู้แจ้งเห็นจริงหมดทุกอย่าง”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา