Author: <span>admin</span>

“อยู่รวมกันหลายคนหลายท่านก็พยายามรู้จักสมัครสมานสามัคคี รู้จักแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา อยู่หลายคนเราก็ดูเรา อยู่คนเดียวเราก็ดูเรา อะไรคือสติ อะไรคือปัญญา อะไรคือความเป็นจริงในชีวิต เราก็จะมีตั้งแต่ความสุข สุขทั้งภายในสุขทั้งภายนอก สนุกในการทำการทำงาน

เอาการเอางานเป็นหลักของการปฏิบัติ เอาการเอางานเป็นการฝึก ฝึกฝนตัวเรา ขณะที่ทำการทำงานใจก็รับรู้ แต่เราต้องคลายใจทางด้านภายในของเราให้ได้เสียก่อน หมดความสงสัย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“เจริญสติลงที่กายของเรา จนรู้เท่าทันการเกิดของใจ รู้ไม่ทันการเกิด เราก็ใช้สมถะเข้าไปดับ สมถะคืออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดับ หยุด ฝืน แล้วก็ปรับสภาพใจของเราให้มีความอ่อนน้อมอ่อนโยน มีความเมตตา มีความเสียสละ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกเรื่อง ดูใจของเราว่ามีความเสียสละหรือไม่ ใจของเรามีความเห็นแก่ตัว มีความตระหนี่เหนียวแน่น เราพยายามขัดเกลาเอาออก อบรมใจของเรา ใจของเราก็จะเบาบางจากกิเลสไปเรื่อยๆ

กิเลสก็มีหลายอย่าง กิเลสตัวโตๆ ความโลภ ความทะเยอทะยานอยาก ความโกรธ นานๆ ทีมันถึงจะเกิด แต่ความคิดที่เกิดๆ ดับๆ มีกันอยู่ตลอดเวลา เราพยายามหัดเจริญสติลงที่กายของเราให้ต่อเนื่องให้เข้มแข็ง แล้วก็เอาไปอบรมใจ รู้ไม่ทันต้นเหตุ ก็ใช้สมถะเข้าไปดับ ปรับปรุงใจของเราอยู่ตลอดเวลา”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“จิตใจของเรามาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง มาอาศัยขันธ์ห้าอยู่ แล้วก็เกิดต่อขณะที่ยังมีลมหายใจยังมีกายอยู่นี่แหละ ความเกิดนั่นแหละคือความคิด บางทีก็เกิดจากตัวใจอาการของใจรวมกัน บางทีก็เกิดจากสติปัญญารวมกัน เราต้องมาจำแนกแจกแจง เจริญสติให้ต่อเนื่อง รู้เท่ารู้ทันรู้กันรู้แก้ รู้จักพิจารณาตัวเราอยู่ตลอดเวลาทุกเรื่อง

กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องอัตตากับอนัตตา หลักของอริยสัจ ความเกิดของใจเป็นลักษณะอย่างไร เราต้องพยายามทำ กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร

เราต้องดูต้องรู้ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจของเรามองเห็นตามความเป็นจริงจนใจของเราไม่หลงไม่เกิดไม่เป็นทาสของกิเลส”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“ส่วนมากก็มีแต่ปัญญาที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้า เกิดจากส่วนสมองที่รวมกันไป เขาเรียก ‘ปัญญาโลกปัญญาโลกีย์’ เราจงมาเจริญสติพลิกปัญญาโลกให้เป็นปัญญาธรรม

พลิกปัญญาโลกให้เป็นปัญญาธรรมได้อย่างไร ก็คือการเจริญสติของเรานี่แหละ เจริญสติให้ต่อเนื่อง คำว่าปัจจุบันธรรม ให้รู้ตัวอยู่ปัจจุบันจนเป็นอัตโนมัติ รู้ลมหายใจเข้า-ออก รู้ใจ รู้ทุกอย่างนั้นแหละ รู้ทุกอย่างในกายของเรา จนกระทั่งถึงรู้ใจของเรา ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีความกังวลไม่มีความฟุ้งซ่านเป็นอย่างนี้ เราก็จะได้มองเห็น”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“บุคคลที่เข้าถึง รู้ความเป็นจริง ก็มองเห็นการเดินทางนี้ง่าย แต่ถ้าคนไม่เข้าใจนี่มันปิดกั้นไปหมด ยากไปหมด ที่ท่านว่าสมมุติยังไม่เปิด เราต้องมาศึกษามาค้นคว้าจนในใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้าได้นั่นแหละ ท่านถึงเรียกว่าสมมุติเปิด หรือสัมมาทิฏฐิ

สัมมาทิฏฐิเป็นเพียงแค่เดินทางเท่านั้นเอง เราแยกแยะได้ตามดูได้ เราละได้หรือไม่ เหมือนกับขึ้นตัวเรือนต้องอาศัยบันได อาศัยราวบันได การที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้เราก็ต้องอาศัย ความเสียสละความอดทน

คำว่าศีลเป็นอย่างไร สมาธิเป็นอย่างไร ปัญญาเป็นอย่างไร ต้องรู้แจ้งเห็นจริงหมดทุกอย่าง”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“คนที่จะขึ้นสู่ที่สูงได้ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ความเพียรในการขัดเกลากิเลส ความเพียรในการสำรวจสำรวมทำความเข้าใจอยู่ตลอดเวลา ตาทำหน้าที่อย่างนี้ ใจทำหน้าที่อย่างนี้ ภาษาธรรมเป็นอย่างไร ภาษาโลกเป็นอย่างไร กิเลสตัวใหญ่ๆ เป็นอย่างไร

ส่วนมากจะไปมองเห็นตั้งแต่ตัวใหญ่ๆ ความเกิดๆ ดับๆ การเกิดของความคิด การเกิดของตัวใจนั่นแหละไม่ค่อยจะสังเกตวิเคราะห์ กิเลสตัวละเอียดนั่นแหละที่มาปิดกั้นความสะอาดความบริสุทธิ์เอาไว้ ความกังวลบ้าง ความฟุ้งซ่านบ้าง นิวรณ์ธรรมต่างๆ บ้าง มีมลทินบ้าง มองเห็นคนอื่นดีกว่าเรา หรือมองเห็นคนอื่นต่ำกว่าเรา ยกตัวเองสูง มองเห็นคนอื่นต่ำ อคติเพ่งโทษสารพัดอย่างที่มีกัน”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ใจของเราฝึกได้ ใจของคนเรานี้ถ้าน้อมเข้ามาในหลักธรรมจริงๆ รู้เห็นตามสภาพจริงๆ เขาก็ยอมรับความเป็นจริงได้ ขณะที่เขายังแยกรูปแยกนามไม่ได้ เขาก็จะหาเรื่องปิดกั้นตัวเองอยู่ตลอดเวลา คือความเกิดหาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอง ทั้งขันธ์ห้าก็หาเหตุผลมาปิดกั้นตัวเอง ท่านถึงเรียกว่า ‘ใจหลอกใจ’ หรือว่า ‘จิตหลอกจิต’

เราต้องพยายามพยายาม แม้แต่สติปัญญานั่นก็ยังหลอกตัวเองเข้าข้างตัวเอง กายของเราชอบอย่างโน้น กายของเราชอบอย่างนี้ สารพัดอย่าง ให้ใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้าให้ได้เสียก่อน เอาความเป็นกลางความว่างเป็นเครื่องตัดสิน ไม่เข้าข้างตัวเองเข้าข้างคนอื่น ถ้ารู้ด้วยเห็นด้วยทำความเข้าใจได้ด้วย หมดความสงสัยหมดความลังเลได้ด้วย นั่นแหละท่านถึงบอกให้เชื่อ ก็ต้องพยายามกัน”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“เรารู้ใจของเราตัวเดียวเท่านั้นแหล่ะมันจะรอบรู้ไปได้หมดเลย ไม่ต้องไปรู้อะไรมากมาย ก่อนที่จะรู้ใจตัวเอง เราต้องถอนรากถอนโคนกิเลสออกให้มันหมด ดับความเกิดให้มันได้ ใช้ตัวเองให้มันเป็น

คนทั่วไปปฏิบัติธรรมแบบเด็ดยอด เหมือนกับต้นไม้เราเด็ดยอดเท่าไหร่มันก็แตกออกๆๆ ปิดกั้นดวงใจตัวเองเอาไว้ ไม่เจริญสติลึกเข้าไปถอนรากถอนโคน เราถอนรากถอนโคนได้ตัวข้างบนมันก็ตายหมด กิเลสก็เหมือนกัน เราไปจัดการกับต้นเหตุของกิเลส ท่านถึงบอกว่ามีเหตุมีผล เห็นเหตุเห็นผล รู้เหตุรู้ผล ถึงจะเอามันอยู่ ก็ต้องพยายามกัน”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนมีแต่เหตุ เกิดจากเหตุทั้งนั้น เหตุภายนอกเหตุสมมุติทางด้านรูปธรรมก็มี เหตุทางด้านวิมุตติทางด้านดวงวิญญาณทางด้านจิต เขาก่อตัวอย่างไร เกิดอย่างไร เกิดขึ้นตั้งอยู่อย่างไร ซึ่งเรียกว่ารอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของตัวเรา ถ้าไม่เข้าใจในเรื่องจิตวิญญาณ เราจะไปสอนจิตวิญญาณของเราได้อย่างไร มีตั้งแต่ตัวจิตวิญญาณนั่นแหละส่งออกไปหาธรรม ส่งออกไปสอนนั่นสอนนี่ทั้งที่เขาเกิด ความเกิดนั่นแหละ เขาปิดกั้นตัวของเขาเอาไว้ เรามาดับ มาละกิเลส มาคลาย

‘ดับ-ละ-คลาย’ แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทนให้ได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะการอย่างไร ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่ต้องวิเคราะห์พิจารณาเป็นการฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลาตัวเรา ทั้งกายทั้งใจของเราหมดนี่แหละจนกว่าจะหมดลมหายใจ ให้รู้เห็นตามความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่าง”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา

“อย่าไปตำหนิที่โน่นไม่ดีที่นี่ไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องมาตำหนิเราแก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเรา ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ถ้าเราเข้าใจในหลักธรรม เข้าใจในใจของเรา อยู่ที่ไหนก็เป็นวัด อยู่ที่ไหนเราก็ได้พบพระ อยู่ที่ไหนก็ได้สอบอยู่ตลอดเวลา สติคอยตรวจสอบใจอยู่ตลอดเวลา เราก็จะได้ฟังธรรมะอยู่ตลอดเวลา หมดความสงสัยหมดความลังเล มีตั้งแต่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ก็ต้องพยายามกัน

พยายามสร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมี บุญระดับสมมุติพวกเราก็พากันทำ หลวงพ่อก็พาทำอยู่ตลอด เดี๋ยวนี้ก็ยังพาทำอยู่ พาทำทุกอย่างนั่นแหละ ให้ทุกคนได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ ได้เข้ามาแล้วก็ได้รับความสงบ ความสุข ความเยือกความเย็น เข้ามาศึกษาค้นคว้าชีวิตของเราให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็ต้องพยายามกันนะ”

พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย)

ปฏิบัติบูชา